ก.ล.ต.
เปิดเผยสถิติการแจ้งเบาะแสหลอกลงทุนในตลาดทุนผ่าน “สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน” โทร 1207
กด 22 ระบบรับแจ้งบนเว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec.or.th/scamalert และอีเมล scamalert@sec.or.th ภายใต้
“โครงการร่วมมือ-จับปลอมหลอกลงทุน” ที่ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรในตลาดทุน หน่วยงานภาครัฐและเอกชน
และศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation
Center : AOC) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยประสานงานกับ
Meta (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม Facebook และ Instagram รวมทั้ง LINE (ประเทศไทย)
ปิดกั้นช่องทางของมิจฉาชีพบนแพลตฟอร์มดังกล่าวโดยเร็ว
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนมากยิ่งขึ้น
ตั้งแต่โครงการ “สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน” เปิดตัวเมื่อวันที่
6
พฤศจิกายน 2566 ก.ล.ต. ได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีสื่อหลอกลงทุนผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 202 บัญชี
แบ่งเป็นแพลตฟอร์ม Facebook 192 บัญชี Instagram 1 บัญชี และ LINE 9 บัญชี (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566) เมื่อ
ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลแล้ว ได้ประสานแจ้งผู้ให้บริการแพลตฟอร์มพิจารณาดำเนินการปิดกั้นบัญชีโดยเร็ว ภายใต้กรอบเวลาเฉลี่ยภายใน
48 ชั่วโมงนับตั้งแต่ที่ได้รับแจ้ง ซึ่งปัจจุบันดำเนินการปิดไปแล้ว
175 บัญชี หรือคิดเป็นร้อยละ 86 ส่วนที่เหลือเป็นการแจ้งเข้ามาใหม่และอยู่ระหว่างการดำเนินการปิด
สำหรับการแจ้งเบาะแสการหลอกลงทุนผ่านสื่อสังคมออนไลน์พบว่า
ส่วนใหญ่เป็นการแอบอ้างใช้ชื่อ
โลโก้ และภาพผู้บริหารของ ก.ล.ต. หน่วยงานและบริษัท รวมถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงในตลาดทุน
การปลอมแปลงใบอนุญาต และอ้างว่ารับรองโดย
ก.ล.ต. และหน่วยงานทางการ แอบอ้างใช้ชื่อและภาพบุคคลกรในตลาดทุน รวมถึงการชักชวนลงทุนในหุ้นกองทุน
สินทรัพย์ดิจิทัล ด้วยข้อเสนอที่ให้ลงทุนน้อยแต่ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง
ไม่มีความรู้ก็ลงทุนได้ มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
นอกจากนี้
ก.ล.ต. ยังดำเนินการป้องปรามเรื่องหลอกลงทุนอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
(1) ขึ้นเตือนบนหน้าเว็บไซต์
ก.ล.ต. ในหัวข้อ Investor Alert เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ที่ไม่ใช่ผู้ประกอบธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลของ
ก.ล.ต.
(2) ประสานศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย (Anti-Fake News Center
Thailand) กระทรวงดิจิทัลฯ เพื่อออกข่าวแจ้งเตือนประชาชน
(3)
ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าพนักงานเกี่ยวกับการหลอกลงทุนเฉพาะกรณีที่แอบอ้างชื่อ/โลโก้
หรือภาพผู้บริหารของ ก.ล.ต.
(4) ดำเนินการส่งเรื่องให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายภายใต้ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 กรณีอ้างผลตอบแทนสูง
หรืออาจเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่
(5) ดำเนินการส่งเรื่องไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
พิจารณาดำเนินการกรณีชักชวนลงทุนใน Forex หรือการแจ้งเบาะแสการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับธนาคารพาณิชย์
(6) ดำเนินการส่งเรื่องให้กระทรวงดิจิทัลฯ
พิจารณาดำเนินการในส่วนที่นอกเหนือการบังคับใช้กฎหมายของ ก.ล.ต.
ทั้งนี้
ก.ล.ต. ขอย้ำให้ประชาชนระมัดระวังในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ควรตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
ด้วยการสอบถามโดยตรงกับบริษัทหรือบุคคลที่ถูกแอบอ้าง
รวมทั้งไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวหรือไม่โอนเงินเข้าชื่อบัญชีบุคคลธรรมดา
สำหรับการแจ้งเบาะแสให้ได้ผล ขอให้แจ้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงเพื่อให้ได้รับการแก้ไขปัญหาที่รวดเร็วและตรงจุด
เช่น
(1) เรื่องหลอกลงทุนในตลาดทุน
ติดต่อสายด่วน ก.ล.ต. โทร 1207 กด 22
(2) เรื่องหลอกลวงออนไลน์เกี่ยวกับการฝาก
ถอน ชำระเงิน บัตรเครดิต และสินเชื่อ ติดต่อสายด่วน 1213 ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน
ธนาคารแห่งประเทศไทย
(3) เรื่องการเงินนอกระบบที่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่
ติดต่อสายด่วน 1359 ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
(4) อาชญากรรมทางเทคโนโลยีอื่น ๆ
การอายัดบัญชีปลายทางชั่วคราว (บัญชีม้า) ติดต่อสายด่วน 1441 ศูนย์
AOC เป็นต้น
______________________