ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายสรัฐ เตกาญจนวนิช ผู้จัดการสำนักวางแผนธุรกิจและการเงินของ TOG ทราบผลกำไรสุทธิของบริษัทที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทั้งในไตรมาส 3 ปี 2558 ที่มีจำนวน 89.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 136.97 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และในไตรมาส 1 ปี 2559 ที่มีจำนวน 75.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 73.22 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2558 โดยนายสรัฐใช้ประโยชน์จากข้อมูลภายในดังกล่าวซื้อหุ้น TOG จำนวน 2,189,700 หุ้น ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางสาวมาลิตา (ปัจจุบันเป็นภรรยา) ก่อนที่ TOG เปิดเผยงบการเงินทั้ง 2 งวด ต่อประชาชนผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์ฯ
การกระทำของนายสรัฐที่ใช้ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาเพื่อซื้อหุ้น TOG เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 241 และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะกระทำความผิด ซึ่งปัจจุบันการกระทำดังกล่าวยังคงเป็นความผิดตามมาตรา 242 และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 โดยมีนางสาวมาลิตาช่วยเหลือสนับสนุนการกระทำผิดของนายสรัฐ ซึ่งเป็นความผิดและมีบทกำหนดโทษตามบทบัญญัติดังกล่าวประกอบมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาบังคับ และผู้กระทำผิดทั้ง 2 ราย ได้ทำบันทึกยินยอมรับมาตรการลงโทษทางแพ่งและปฏิบัติตามบันทึกยินยอมดังกล่าวครบถ้วนแล้ว โดยนายสรัฐชำระค่าปรับทางแพ่ง จำนวน 2.32 ล้านบาท และส่งคืนผลประโยชน์ที่พึงได้รับจำนวน 1.85 ล้านบาท และนางสาวมาลิตาชำระค่าปรับทางแพ่ง จำนวน 0.66 ล้านบาท ซึ่งเงินค่าปรับทางแพ่งเป็นรายได้แผ่นดินที่ ก.ล.ต. จะส่งกระทรวงการคลัง
นอกจากการถูกลงโทษด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งดังกล่าว ก.ล.ต. สั่งห้ามนายสรัฐเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน* เป็นเวลา 2 ปี ด้วย
________________________________
*ตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ กจ. 3/2560 เรื่อง การกำหนดลักษณะขาดความน่าไว้วางใจของกรรมการและผู้บริหารของบริษัท ลงวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560