ก.ล.ต. เปิดรับฟังความคิดเห็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์เงินกองทุนสำหรับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อทรัพย์สินของลูกค้า และความเชื่อมั่นต่ออุตสาหกรรมโดยรวม
ปัจจุบันผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลถูกกำหนดให้ดำรงเงินกองทุนขั้นต่ำด้วยส่วนของผู้ถือหุ้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลมีเงินทุนเพียงพอต่อการประกอบธุรกิจอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ขนาดของเงินกองทุนที่คำนวณจากเกณฑ์ดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมความเสี่ยงจากการเก็บรักษาทรัพย์สินลูกค้าสำหรับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทที่สามารถเข้าถึงหรือโอนย้ายทรัพย์สินลูกค้าได้
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีแนวคิดปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนสำหรับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทที่สามารถเข้าถึงหรือโอนย้ายทรัพย์สินลูกค้าได้ เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าวดำรงเงินกองทุนตามเกณฑ์ที่สะท้อนความเสี่ยงจากการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้า และช่วยให้มีแนวทางการบริหารความเสี่ยงที่ดี โดยจะนำเรื่องการดำรงเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (NC) มาใช้กับธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยจะกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในประเภทดังกล่าว ต้องดำรง NC ไม่ต่ำกว่า "เงินกองทุนขั้นต่ำ" ซึ่งคำนวณจากมูลค่าทรัพย์สินของลูกค้าที่มีการเก็บรักษาเพื่อรองรับความเสียหายหากมีการโจรกรรมทางไซเบอร์หรือความเสียหายอื่น ๆ นอกจากนี้ ผู้ประกอบธุรกิจต้องจัดทำและจัดส่งข้อมูลการคำนวณเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ และในกรณีที่เงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิลดลงต่ำกว่า 1.5 เท่าของเงินกองทุนขั้นต่ำจะต้องแจ้งสาเหตุแก่ ก.ล.ต. ทันที
สำหรับประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทที่ไม่มีการเก็บรักษาทรัพย์สินลูกค้า หรือมีการเก็บทรัพย์สินลูกค้าแต่ไม่สามารถเข้าถึงหรือโอนทรัพย์สินลูกค้าได้ ให้ดำรงเงินกองทุนด้วยส่วนของผู้ถือหุ้นตามเกณฑ์ปัจจุบัน
ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวไว้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec.or.th/hearing ผู้เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจสามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ หรือโทรสาร 0-2033-9660 หรือทาง e-mail teerawatt@sec.or.th จนถึงวันที่ 4 มีนาคม 2562
_____________________________
หมายเหตุ : เอกสารรับฟังความคิดเห็น https://capital.sec.or.th/webapp/phs/upload/phs1550220476hearing-10-2562.pdf