ก.ล.ต. ขอให้ผู้ถือหุ้นบริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) (GSTEL) ไปใช้สิทธิออกเสียงในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 เพื่อพิจารณากรณี GSTEL รับความช่วยเหลือทางการเงินในปี 2557 จากกลุ่มมหาชัย ซึ่งถือหุ้นใน GSTEL ร้อยละ 10.02 โดยที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเห็นว่าไม่เหมาะสมและผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติ
เนื่องจาก GSTEL จะขออนุมัติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 29
พฤษภาคม 2562 เพื่อขอสัตยาบันการเข้าทำสัญญารับความช่วยเหลือทางการเงินกับบริษัท
มหาชัยศูนย์รวมเหล็ก จำกัด และนายนิรัมดร์ งามชำนัญฤทธิ์ รวมเรียกว่า “กลุ่มมหาชัย” ในฐานะผู้ให้การสนับสนุนและให้กู้ยืมเงิน
ซึ่ง GSTEL ได้ทำสัญญาดังกล่าว เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557
ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) มีความเห็นสรุปได้ว่า ผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติให้สัตยาบันรายการดังกล่าว
เนื่องจากกลุ่มมหาชัยมีเงื่อนไขให้ GSTEL เข้าทำสัญญาแต่งตั้งกลุ่มมหาชัยเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าแต่เพียงผู้เดียวเป็นระยะเวลา 5 ปี ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมตัวแทนจำหน่ายสินค้าร้อยละ
1.5 ของยอดขายของ GSTEL ให้กลุ่มมหาชัยด้วย และต้องนำสินค้าที่ผลิตที่ได้จากกระบวนการผลิตเกือบทั้งหมดเป็นหลักประกันให้แก่กลุ่มมหาชัย
รวมทั้งให้มีตัวแทนจากกลุ่มมหาชัยเข้ามามีอำนาจอนุมัติร่วมกับ GSTEL ในกระบวนการจัดซื้อ กระบวนการขาย และระบบการจ่ายเงิน ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบควบคุมภายในและการกำกับกิจการที่ดีของบริษัท
และอาจทำให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ นอกจากนี้ จากการคาดการณ์ว่า GSTEL อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จึงส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรและอาจทำให้บริษัทกลับมาประสบปัญหาสภาพคล่องอีกครั้งในอนาคต
อย่างไรก็ดี คณะกรรมการบริษัทเห็นว่า การรับความช่วยเหลือทางการเงินจากกลุ่มมหาชัยในปี
2557 นั้น ทำให้บริษัทสามารถกลับมาผลิตเหล็กม้วนรีดร้อนได้ หลังจากที่ GSTEL ต้องหยุดการผลิตไปประมาณ 2 ปี ซึ่งเป็นการรักษาสภาพเครื่องจักรไม่ให้เสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว
ทำให้พนักงานในโรงงานของ GSTEL ไม่ต้องถูกเลิกจ้างงาน
มีโอกาสและเวลาเพิ่มเติมในการหาผู้ร่วมลงทุนเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ประกอบกับ ณ ช่วงเวลา และสถานการณ์ของบริษัทในขณะนั้นที่ประสบกับภาวะขาดทุนอย่างมาก และไม่สามารถรับความช่วยเหลือทางการเงินจากสถาบันการเงินใด ๆ ได้ แม้ว่าเงื่อนไขการรับความช่วยเหลือจากกลุ่มมหาชัยอาจจะไม่สมเหตุ
สมผลในเชิงธุรกิจเท่าใดนัก
แต่เพื่อให้บริษัทสามารถประคับประคองให้ธุรกิจอยู่รอดและมีโอกาสที่จะเจริญเติบโตต่อไปในอนาคต
รวมทั้งสามารถดำรงสถานะความเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และทำให้หุ้นสามัญ
และใบสำคัญแสดงสิทธิของบริษัทสามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้อย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องยอมรับความช่วยทางการเงินจากกลุ่มมหาชัย
ทั้งนี้ รายการดังกล่าวข้างต้นเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน
เนื่องจากขณะที่เข้าทำรายการเมื่อปี 2557 กลุ่มมหาชัยถือหุ้น GSTEL ร้อยละ 10.02 จึงต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า
3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน
โดยไม่นับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย
ก.ล.ต. จึงขอให้ผู้ถือหุ้นศึกษาข้อมูลโดยละเอียดและใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นในการรักษาประโยชน์ของตนเอง พร้อมทั้งซักถามผู้บริหาร GSTEL
ถึงข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้มีข้อมูลครบถ้วนในการประกอบการตัดสินใจ