ก.ล.ต. สนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจเข้าร่วมเป็นสมาชิกระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (National Digital ID หรือ NDID) เพื่อยกระดับการพิสูจน์และยืนยันตัวตนในการทำความรู้จักผู้ลงทุนให้มีความน่าเชื่อถือ ลดความเสี่ยงในการปลอมแปลงตัวตนเพื่อเปิดบัญชีลงทุน และลดความซ้ำซ้อนในการพิสูจน์ตัวตนเมื่อผู้ลงทุนต้องการเปิดบัญชีซื้อขายในตลาดทุน
ในการให้บริการลงทุนในตลาดทุน
ผู้ประกอบธุรกิจตัวกลาง เช่น บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน
(บลจ.) จะต้องทำความรู้จักผู้ลงทุนหรือลูกค้า ที่เรียกว่า Know
Your Client (KYC) ก่อนเริ่มให้บริการ
เพื่อให้รู้จักตัวตนที่แท้จริงว่าลูกค้าเป็นใครซึ่งจะช่วยให้บริการลูกค้ารายนั้นได้อย่างเหมาะสม โดยปัจจุบันมีการนำวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาช่วยให้การทำ KYC
เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น (เรียกว่า electronic KYC หรือ e-KYC)
ก.ล.ต. เล็งเห็นถึงประโยชน์ของการส่งเสริมให้ผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางทำ
e-KYC เพราะไม่เพียงเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพ
แต่ยังรองรับการให้บริการลูกค้าที่ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเข้าสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น ประกอบกับการที่รัฐบาลได้ริเริ่มโครงการพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล
(NDID) ซึ่งจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานกลางของประเทศสำหรับผู้ให้บริการทั้งภาครัฐและเอกชนตามแนวทาง
ease of doing business และช่วยลดขั้นตอนที่ผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางต้องดำเนินการพิสูจน์ตัวตนลูกค้าซ้ำ
ทำให้กระบวนการเปิดบัญชีซื้อขายในตลาดทุนเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว
มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือ ในขณะเดียวกันก็จะช่วยให้ผู้ลงทุนที่เป็นลูกค้าได้รับความสะดวกเช่นเดียวกัน
ก.ล.ต. จึงได้มีหนังสือถึงผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางทุกประเภทเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม
2562 เพื่อขอความร่วมมือและการสนับสนุนจากผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางพิจารณาเข้าร่วมโครงการ
NDID ซึ่งที่ผ่านมา ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี
มีผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางให้ความสนใจและสมัครเข้าร่วมโครงการ NDID เป็นจำนวนมาก โดยจากข้อมูลล่าสุด
มีผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางสมัครเข้าร่วมโครงการ NDID แล้วทั้งสิ้นจำนวน
106 บริษัท (คิดเป็นร้อยละ 81 จากผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางทั้งหมด) โดยปัจจุบันผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางในตลาดทุนได้ทยอยให้บริการ
e-KYC แล้ว
___________________________