สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยผลการประชุมคณะทำงานเสริมสร้างวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) วิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) กิจการเงินร่วมลงทุน (PE) นิติบุคคลร่วมลงทุน (VC) สู่ตลาดทุนไทย หรือคณะทำงานฯ ซึ่งได้มีการหารือเกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุงหลักเกณฑ์เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับ SME และ Startup ในการระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2566
ตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุน
(ก.ต.ท.) ได้มีมติเห็นชอบในแนวทางการสนับสนุนการออกตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืนในการประชุมคณะกรรมการกำกับตลาดทุน
ครั้งที่ 15/2565 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2565 ก.ล.ต. จึงได้จัดประชุมคณะทำงานฯ* ครั้งที่
1/2566 ซึ่งมีนางสาวจอมขวัญ
คงสกุล รองเลขาธิการ ก.ล.ต. เป็นประธานคณะทำงาน เพื่อร่วมแสดงความคิดเห็นต่อหลักเกณฑ์ที่จะรองรับการระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืนของ SME และ Startup ตอบรับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของกลุ่มกิจการดังกล่าว รวมถึงธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานให้สามารถเร่งปรับตัว
และมีส่วนร่วมกับการพัฒนาธุรกิจในมิติความยั่งยืน ซึ่งปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม
และธรรมาภิบาล (Environment, Social and
Governance : ESG) เป็นหัวใจสำคัญต่อกลยุทธ์และการประกอบธุรกิจเพื่อลดความเสี่ยงและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งที่ประชุมคณะทำงานเห็นด้วยกับหลักเกณฑ์ที่นำเสนอ
เนื่องจากช่องทางการเสนอขายตราสารหนี้ในวงจำกัดและการเสนอขายผ่านระบบคราวด์ฟันดิง
(crowdfunding)
นับเป็นช่องทางการระดมทุนที่สะดวกและรวดเร็วซึ่งเหมาะกับ SME และ Startup
มากกว่าการระดมทุนรูปแบบอื่น
หลักเกณฑ์ที่เสนอจะมีข้อกำหนดเพิ่มเติมจากหลักเกณฑ์การเสนอขายตราสารหนี้ทั่วไป
โดยบริษัทที่ประสงค์จะออกตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืนมีการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน
เช่น วัตถุประสงค์การใช้เงินด้านสิ่งแวดล้อม และ/หรือสังคม การคัดเลือกโครงการ
การรายงานความคืบหน้าโครงการ
การกำหนดเป้าหมายของธุรกิจที่สอดรับกับด้านความยั่งยืน เป็นต้น ต่อผู้ลงทุนทั้งก่อนและหลังการเสนอขาย
ทั้งนี้ ก.ล.ต. เตรียมเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อหลักเกณฑ์ดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์ของ
ก.ล.ต. ภายในไตรมาส 1/2566 และคาดว่าหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ภายในไตรมาส 2/2566
____________________________
หมายเหตุ: *คณะทำงานฯ ประกอบด้วยตัวแทนจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน
จำนวน 14 แห่ง ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย สมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน ชมรมวาณิชธนกิจ
สภาวิชาชีพบัญชีในพระบรมราชูปถัมภ์ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย