Sign In
ข่าว ก.ล.ต.

ก.ล.ต. ร่วมกับธรรมศาสตร์ จุฬา และมอร์นิ่งสตาร์เผยผลงานวิจัย ?การออมเพื่อการเกษียณ?



วันพุธที่ 2 มีนาคม 2559 | ฉบับที่ 16 / 2559



ก.ล.ต. จัดงานสัมมนา SEC Working Papers Forum ครั้งที่ 1/2559 เผยแพร่ผลงานวิจัย 3 ชิ้น โดยผู้วิจัยจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด ภายใต้หัวข้อ ?การออมเพื่อการเกษียณ?  ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ของ ก.ล.ต.ที่มุ่งส่งเสริมให้คนไทยมีวินัยในการออม เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้ในระยะยาวสำหรับการเกษียณ

ดร. อัญญา  ขันธวิทย์ ศาตราจารย์ในสาขาวิชาการเงินและการธนาคาร คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เสนอผลงานวิจัยเรื่อง ?การกำหนดอัตราการออมตามวินัยส่วนตนสำหรับผู้มีรายได้ชาวไทยภายใต้กรอบการบริหารความเสี่ยง?  ซึ่งเป็นบทวิจัยแรกของประเทศที่สามารถระบุได้ว่า หากหญิงไทยเริ่มออมตั้งแต่อายุ 20 ปี  อัตราการออมควรอยู่ที่ประมาณ 12% ของรายได้ ส่วนชายไทยอัตราการออมควรอยู่ที่ประมาณ 8% ของรายได้  และเป็นที่น่ายินดีว่า แม้บางคนอาจเริ่มออมช้าและมีหนี้สินอยู่บ้าง  แต่หากเริ่มออมและออมอย่างมีวินัยเคร่งครัดแล้ว  ก็จะสามารถปลดหนี้ และอาจมีมรดกให้ลูกหลานสูงถึงกว่า 1 ล้านบาท ทั้งนี้ เป็นการอ้างอิงตามทฤษฎีการบริหารความเสี่ยงและใช้ข้อมูลจริงสนับสนุน

รศ.ดร. พรอนงค์  บุษราตระกูล นักวิชาการประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกรรมการ คณะกรรมการกำกับตลาดทุน ก.ล.ต. นำเสนอผลงานวิจัย ?ประสิทธิผลของการให้ความรู้ต่อการตัดสินใจเลือกแผนการลงทุนสำหรับการเกษียณอายุ? พบว่า  การส่งเสริมให้บุคคลมีความรู้ทางการเงิน (financial literacy) ที่เกี่ยวข้อง ส่งผลต่อความสามารถในการตัดสินใจทางการเงินที่สอดคล้องกับเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม ควรให้ความสำคัญกับกลุ่มที่ยังมีช่องว่างเรื่องความรู้ทางการเงินที่เกี่ยวข้องสูงเป็นเป้าหมายแรก และเรื่องการออมเพื่อการเกษียณอายุควรเน้นกลุ่มที่มีระดับการศึกษาและรายได้ต่ำ  จากการศึกษายังพบว่าประสิทธิผลของการส่งเสริม financial literacy ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ปัจจัยส่วนบุคคลของผู้รับการส่งเสริม แต่ขึ้นกับรูปแบบและวิธีการของการให้ความรู้ รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการกำหนดตัวชี้วัดที่สอดคล้องกับนโยบาย แม้ว่าผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจทางการเงินเฉพาะทาง ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการยอมรับและนำไปสู่การตัดสินใจ  ทั้งนี้ สามารถเพิ่มประสิทธิผลของ financial literacy ได้ โดยคำนึงถึงขั้นตอนในการตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้น

นายกิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ นักวิเคราะห์อาวุโส จาก บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด นำเสนอผลงานวิจัย ?องค์ประกอบของการวางแผนทางการเงินที่ดี? โดยระบุว่า นักลงทุนส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับการเลือกหาการลงทุนที่ดี และการจัดสรรพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนสำหรับการใช้ในยามเกษียณ ซึ่งพบว่า การตัดสินใจวางแผนการเงินอย่างชาญฉลาด จะสามารถเพิ่มรายได้หลังเกษียณได้ถึง 22.6% หรือเทียบเท่ากับ 1.5% alpha** ต่อปี โดยมีปัจจัยแวดล้อมที่เกี่ยวข้องในด้านต่าง ๆ อาทิ อัตราการถอนเงินไปใช้ที่เหมาะสม  และการจัดการทางด้านภาษี 

** ผลตอบแทนส่วนที่ชนะตลาด