ก.ล.ต. เปิดเผย พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2562 เพื่อยกระดับการกำกับดูแลตลาดทุนและปรับปรุงการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพิ่มความคุ้มครองผู้ลงทุน และจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วในวันที่ 16 เมษายน 2562 และมีผลใช้บังคับในวันที่ 17 เมษายน 2562 เป็นต้นไป
นางทิพยสุดา
ถาวรามร รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(ก.ล.ต.) กล่าวว่า
“ปัจจุบันตลาดทุนและเทคโนโลยีทางการเงินมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ทำให้การประกอบธุรกิจหลักทรัพย์มีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น
ประกอบกับพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
ยังมีส่วนที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล
ไม่เพียงพอที่จะคุ้มครองประโยชน์ของผู้ลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
จึงมีการเสนอแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าว”
ทั้งนี้
พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ฉบับใหม่นี้จะครอบคลุม 6 ด้าน ได้แก่ (1)
เพิ่มความยืดหยุ่นในการการกำกับดูแลธุรกิจหลักทรัพย์ อาทิ
ยกเลิกการกำหนดทุนจดทะเบียนของบริษัทหลักทรัพย์ไว้ในระดับกฎหมาย โดยคณะกรรมการ
ก.ล.ต. สามารถใช้ดุลยพินิจในการกำหนดให้เหมาะสมกับลักษณะและความเสี่ยงของธุรกิจ
และให้คณะกรรมการ ก.ล.ต.
สามารถกำหนดให้การประกอบกิจการในบางลักษณะไม่เป็นธุรกิจหลักทรัพย์ เช่น การให้บริการต่อคนในวงจำกัด
หรือการทำ regulatory
sandbox เป็นต้น
ซึ่งเป็นการรองรับการประกอบธุรกิจและการให้บริการรูปแบบใหม่ ๆ ที่ใช้เทคโนโลยี
(2)
ด้านการกำกับดูแลธุรกิจจัดการลงทุน จะมีการกำหนดหน้าที่ (fiduciary duty) ของผู้ประกอบธุรกิจหรือ บลจ. ไว้ในกฎหมาย เพื่อส่งเสริมการดูแลรักษาประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุน
โดย บลจ.
จะต้องมีนโยบายป้องกันและติดตามดูแลการกระทำที่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์
ไม่เป็นธรรม หรือทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนเสียประโยชน์
รวมทั้งปรับปรุงบทบัญญัติในการขอมติผู้ถือหน่วยลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในทางปฏิบัติมากยิ่งขึ้น
โดยผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถร้องขอต่อศาลเพื่อเพิกถอนมติได้
หากพบว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์
(3)
ปรับปรุงการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
โดยจะมีการกำหนดภารกิจ (regulatory
objectives) และหลักเกณฑ์ในการดำเนินกิจการของตลาดหลักทรัพย์
และกำหนดให้กระบวนการออกหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงระเบียบข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ
ก.ล.ต. และมีการรับฟังความคิดเห็นจาก บล. สมาชิก ผู้ลงทุน หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ องค์ประกอบของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์
จะมีการปรับปรุงให้ประกอบด้วยบุคคลซึ่ง บล. สมาชิกเลือกตั้งจำนวนไม่เกิน 4 คน
และอีก 6 คนมาจากการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการ ก.ล.ต.
ซึ่งจะคัดเลือกจากรายชื่อที่กลุ่มบุคคลหรือองค์กรที่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในตลาดทุนเสนอมา
เพื่อให้การดำเนินการคำนึงถึงประโยชน์ของตลาดทุนโดยรวม
และมีผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง
รวมถึงขยายวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการจาก 2 ปี เป็น 3 ปีเพื่อให้การดำเนินการมีความต่อเนื่อง
(4)
เพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดทุน อาทิ
ให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มีอำนาจประกาศกำหนดให้บุคคลที่มิใช่ บล.
สมาชิกสามารถทำการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้
เปิดโอกาสให้ บล. สมาชิกสามารถซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนนอกตลาดหลักทรัพย์ได้มากขึ้น
และส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมในการประกอบธุรกิจศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
โดยศูนย์รับฝากหลักทรัพย์สามารถให้บริการรับฝากหลักทรัพย์ด้วยระบบไร้ใบหลักทรัพย์
(scripless) ได้สำหรับหลักทรัพย์ทุกประเภท
และสามารถใช้ระบบไร้ใบหลักทรัพย์ได้ตลอดกระบวนการ
(5)
จัดตั้งกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (กองทุน CMDF) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน
และแยกบทบาทหน้าที่ในด้านการพัฒนาตลาดทุนออกจากการเป็นศูนย์กลางในการซื้อขายหลักทรัพย์
(exchange function) ของตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้ตลาดหลักทรัพย์สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
(6)
เพิ่มประสิทธิภาพ ความชัดเจน และความโปร่งใสในการดำเนินงานของ ก.ล.ต. อาทิ
กำหนดให้สำนักงาน ก.ล.ต. จัดทำแผนการดำเนินงานที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และวัตถุประสงค์ในการกำกับดูแลตลาดทุนตามมาตรฐานสากล
รวมทั้งให้สามารถเปิดเผยข้อมูลที่ได้จากการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ให้แก่หน่วยงานที่กำกับดูแลผู้สอบบัญชีหรือสินค้าหรือตัวแปรของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้
ทั้งนี้
รายละเอียด พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ (ฉบับที่ 6) สรุปสาระสำคัญ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง
มีเผยแพร่บนเว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec.or.th แล้ว