Sign In
ข่าว ก.ล.ต.

ก.ล.ต. ขอให้ผู้ถือหุ้น EIC ไปใช้สิทธิออกเสียง กรณีเข้าซื้อกิจการของบริษัท อีสเทิร์นควีซีน (ประเทศไทย) จำกัด



วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม 2562 | ฉบับที่ 80 / 2562


ก.ล.ต. ขอให้ผู้ถือหุ้น EIC ไปใช้สิทธิออกเสียงในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันอังคารที่ 9 กรกฎาคม นี้ เพื่อพิจารณากรณี EIC จะเข้าซื้อกิจการของอีสเทิร์นควีซีน ซึ่งทำธุรกิจร้านอาหารชาบู แบรนด์ KAGONOYA มูลค่า 300 ล้านบาท โดยที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเห็นว่าไม่เหมาะสมและผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติ

เนื่องจากบริษัท อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) (EIC) จะขออนุมัติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 กรกฎาคม 2562 เพื่อให้บริษัท ฟู้ดโฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าซื้อหุ้นสามัญร้อยละ 100 ของอีสเทิร์นควีซีน ซึ่งทำธุรกิจร้านอาหารชาบู แบรนด์ KAGONOYA จำนวน 8 สาขา ในราคาหุ้นละ 40.54 บาท มูลค่ารวม 300 ล้านบาท โดยหนึ่งในผู้ที่ขายหุ้นให้บริษัท ฟู้ดโฮลดิ้ง จำกัด คือคู่สมรสของกรรมการและผู้บริหารรายหนึ่งของ EIC

ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) มีความเห็นว่า ผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติให้ทำรายการดังกล่าวเนื่องจากราคาที่เสนอดังกล่าวสูงกว่ามูลค่ายุติธรรมที่ IFA ประเมินไว้ที่ 17.84 บาทต่อหุ้น ด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) หรือคิดเป็นมูลค่ารวมสูงกว่า 132.02 ล้านบาท และมีความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งด้านความไม่เพียงพอของแหล่งเงินทุน ตลอดจนผลการดำเนินงานและผลตอบแทนของอีสเทิร์นควีซีนที่อาจไม่เป็นไปตามคาด เนื่องจากมีผลขาดทุนต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ EIC อาจต้องใช้ระยะเวลาคืนทุนนานกว่า 20 ปี

นอกจากนี้ อาจมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับเงินคืนจากผู้ถือหุ้นเดิมของอีสเทิร์นควีซีนตามสัญญาขายคืนที่รับประกันผลการดำเนินงาน ความเสี่ยงจากการขาดความเชี่ยวชาญในการบริหารธุรกิจร้านอาหาร ความเสี่ยงที่การทำรายการอาจมีความล่าช้าเนื่องจากจะต้องบรรลุเงื่อนไขบังคับก่อนหลายประการ และความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับเงินมัดจำคืนจำนวน 45 ล้านบาท หากไม่สามารถเข้าซื้อหุ้นอีสเทิร์นควีซีน เป็นต้น

อย่างไรก็ดี คณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบ EIC เห็นว่า การเข้าซื้อหุ้นอีสเทิร์นควีซีนในมูลค่า 300 ล้านบาทนั้น มีความเหมาะสม สมเหตุสมผล และเป็นไปเพื่อประโยชน์ของบริษัท เนื่องจากเป็นธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีคุณสมบัติครบถ้วนตามกรอบนโยบายการลงทุนของบริษัท สามารถสร้างกระแสเงินสดได้ทันที และเป็นการเบิกทางเข้าสู่ธุรกิจอาหารแบบบริการเต็มรูปแบบ อีกทั้งราคาซื้อขายหุ้นมีความเหมาะสม และมีความเสี่ยงต่ำที่จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนไม่เป็นไปตามเป้า เนื่องจากมีสัญญาขายคืนกรณียอดขายของอีสเทิร์นควีซีนไม่เป็นไปตามคาดการณ์

ทั้งนี้ บริษัทว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ที่ไม่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานเป็นผู้ประเมินมูลค่าหุ้นอีสเทิร์นควีซีนด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) มีมูลค่า 283.94 - 361.80 ล้านบาท โดยข้อมูลที่ผู้บริหารประมาณการรายได้จากเป้าหมายจำนวนบิลต่อวันเฉลี่ย ประกอบกับจำนวนบิลต่อวันของร้านอาหารอื่น ๆ ที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกัน 

รวมถึงมีแผนการตลาดเพื่อเพิ่มลูกค้าให้สอดคล้องกับเป้าหมาย ซึ่งแตกต่างจาก IFA ประมาณการรายจากผลการดำเนินงานของบริษัทในอดีตและเติบโตตามค่าใช้จ่ายการบริโภคนอกบ้านเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยคณะกรรมการบริษัทเห็นว่าสมมติฐานรายได้ของ FA มีความสมเหตุสมผลและเป็นไปได้

ทั้งนี้ รายการดังกล่าวข้างต้นเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์และรายการที่เกี่ยวโยงกัน เนื่องจาก EIC จะซื้อหุ้นอีสเทิร์นควีซีนจากผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นคู่สมรสของกรรมการและผู้บริหารรายหนึ่งของ EIC โดยต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยไม่นับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย

ก.ล.ต. จึงขอให้ผู้ถือหุ้นศึกษาข้อมูลโดยละเอียดและใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นในการรักษาประโยชน์ของตนเอง พร้อมทั้งซักถามผู้บริหาร EIC ถึงข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้มีข้อมูลครบถ้วนในการประกอบการตัดสินใจ






ข่าวในหมวดเดียวกัน

ก.ล.ต. ขอให้ผู้ถือหุ้นกู้ บริษัท สบาย เทคโนโลยี จํากัด (มหาชน) จำนวน 3 รุ่น ใช้สิทธิในการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567
ก.ล.ต. เตือนผู้ถือหุ้น SABUY ไปใช้สิทธิออกเสียงการเข้าลงทุนซื้อหุ้นสามัญในบริษัท LOCKBOX และ LOCKVENT ซึ่ง IFA เห็นว่าผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติการเข้าทำรายการ
ก.ล.ต. แจ้งเตือนผู้ถือหุ้นกู้ EP249A ใช้สิทธิในการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ในวันที่ 13 กันยายน 2567
ก.ล.ต. แจ้งเตือนผู้ถือหุ้นกู้ NWR24NA และ NWR255A ใช้สิทธิในการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ในวันที่ 13 กันยายน 2567
ก.ล.ต. แจ้งเตือนผู้ถือหุ้นกู้ APCS24NA ใช้สิทธิในการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ในวันที่ 26 มิถุนายน 2567