การสัมมนาโครงการครั้งนี้ ซึ่งจัดขึ้น ณ สำนักงาน ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2562 มีผู้ประกอบกิจการการเกษตรและพนักงานจาก ธ.ก.ส. เข้าร่วมงานกว่า 100 คน โดยมีนางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. เป็นประธานในพิธีเปิดงาน และนายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวต้อนรับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานสัมมนา นอกจากนี้ ยังมีการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ตลาดทุนเพื่อประชาชน” โดยนางสิริวิภา สุพรรณธเนศ รองเลขาธิการ ก.ล.ต. และการเสวนาหัวข้อ “SME เรื่องบัญชีที่ควรรู้” รวมถึงการเสวนา “เส้นทาง SME เกษตรสู่ตลาดทุนไทย” 

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า โครงการในวันนี้ถือเป็นครั้งแรกที่สำนักงาน ก.ล.ต. ได้มีโอกาสเปิดบ้านต้อนรับผู้ประกอบการ SME ในภาคการเกษตร เพื่อเป็นการสร้างความตระหนักรู้ด้านตลาดทุนและความเข้าใจในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านเครื่องมือทางการเงินต่าง ๆ ให้แก่ผู้ประกอบการกลุ่มนี้ โดยได้รับความร่วมมือจาก ธ.ก.ส. ที่จะให้การสนับสนุนกิจการรายย่อยในภาคการเกษตรซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของทั้งสองหน่วยงานอย่างบูรณาการ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเกษตรกรและ SME ในภาคการเกษตร โดยมีความเชื่อมโยงกับนโยบายรัฐบาลด้านการขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนผ่านการปฏิรูปโครงสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง ผ่านความร่วมมือในรูปแบบประชารัฐที่มีทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน รวมถึงการให้ความรู้และสนับสนุนให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อร่วมพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งและพัฒนาครอบคลุมทุกด้าน  

นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า นโยบายรัฐบาลต้องการส่งเสริมธุรกิจในทุกภาคเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นในภาคอุตสาหกรรม บริการ และภาคการเกษตร ให้สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึง ทั้งด้านสินเชื่อและการระดมทุนผ่านช่องทางตลาดทุน ธ.ก.ส. และ ก.ล.ต. จึงได้ร่วมกันจัดโครงการนี้ขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการ SME มีข้อมูลที่เพียงพอสำหรับการใช้ช่องทางระดมทุนจากตลาดทุน โดยมีจุดประสงค์ที่จะมุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถภาคการเกษตรไทย นอกเหนือไปจากการสนับสนุนด้านสินเชื่อของธนาคาร รวมทั้งเพื่อยกระดับเกษตรกรสู่การเป็น Smart Farmer และผู้ประกอบกิจการ SME ในภาคการเกษตรในระดับหัวขบวนที่มีศักยภาพในการขยายต่อยอดธุรกิจ รวมถึงมีโอกาสในการปรับปรุงพัฒนาธุรกิจให้มีการบริหารจัดการอย่างมีระบบระเบียบและมีมาตรฐาน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งและภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของกิจการในระยะยาวต่อไป 

_____________________________