ก.ล.ต. เปิดเผยศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลแพ่ง กรณีใช้ข้อมูลภายในขายหุ้นบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (IFEC) เป็นว่า ให้นายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ จำเลย ชำระเงิน 31,926,822.72 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 27 ธันวาคม 2561) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ ก.ล.ต. โจทก์
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นํามาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับนายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ ซึ่งในขณะกระทำผิดเป็นกรรมการและผู้บริหารของ IFEC กรณีอาศัยข้อมูลภายในขายหุ้น IFEC โดยให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่ง และส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด แต่นายศุภนันท์ ไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งดังกล่าว และเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2561 พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องคดีนายศุภนันท์ต่อศาลแพ่ง เป็นคดีหมายเลขดำที่ พ. 7633/2561 ซึ่งเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 ศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาเป็นคดีหมายเลขแดงที่ พ. 5964/2562 โดยพิพากษาให้ยกฟ้อง
ต่อมาเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2563 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา* กลับคำพิพากษาศาลแพ่ง เป็นว่าให้จำเลยชำระค่าปรับทางแพ่งเป็นเงิน 2 เท่าของผลประโยชน์ที่จำเลยได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิดซึ่งเป็นอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนด เป็นเงิน 21,284,548.48 บาท และให้ชดใช้เงินผลประโยชน์ที่พึงได้รับจากการกระทำความผิดเป็นเงิน 10,642,274.24 บาท รวมเป็นเงิน 31,926,822.72 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ซึ่งคดีถึงที่สุดแล้วตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
นายศักรินทร์ ร่วมรังษี รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า คดีนี้เป็นกรณีใช้ข้อมูลภายในที่ดำเนินคดีโดยใช้มาตรการลงโทษทางแพ่ง โดยยื่นฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2561 และศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2563 หากจําเลยไม่ปฏิบัติตามคําพิพากษา ก.ล.ต. จะดำเนินการบังคับคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ เงินค่าปรับทางแพ่งและเงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำผิด เป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลัง
__________________
หมายเหตุ : * คดีหมายเลขดำที่ 1415/2563 คดีหมายเลขแดงที่ 11892/2563